Out of Darkness: นรกดึกดำบรรพ์
Out of Darkness (2022) เป็นภาพยนตร์ Survival Horror สัญชาติอังกฤษที่พาผู้ชมย้อนกลับไปสู่ยุคพาลีโอลิธิก (Upper Paleolithic) เมื่อ 45,000 ปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังสยองขวัญทั่วไป แต่ยังผสมผสานองค์ประกอบของ Adventure และ Thriller ได้อย่างลงตัว
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มมนุษย์ 6 คนเดินทางข้ามน้ำแคบ ๆ มายังดินแดนที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ที่แตกออกมาจากเผ่าเดิม นำโดยหัวหน้ากลุ่มชื่อ Adem ผู้เข้มแข็ง พร้อมด้วยคู่ของเขา Ave ที่กำลังตั้งครรภ์ Geirr น้องชายของ Adem และ Heron ลูกชายของเขา นอกจากนี้ยังมี Odal ชายสูงอายุ และ Beyah หญิงสาวกำพร้าผู้พยายามพิสูจน์ตัวเองในกลุ่ม
การเดินทางสู่ความมืดมิดและความหวาดกลัว
กลุ่มนี้มุ่งหน้าสู่ภูเขาที่สัญญาว่าจะมีถ้ำที่อุดมสมบูรณ์เพื่อเป็นที่พักพิง พวกเขาต้องเผชิญกับความหนาวเย็น ความหิวโหย และความตึงเครียดภายในกลุ่มที่เริ่มก่อตัวขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมิดและแปลกแยก Andrew Cumming ผู้กำกับสร้างความกดดันได้ยอดเยี่ยม โดยใช้ภาษาโบราณที่เรียกว่า Tola ในการสื่อสาร ซึ่งเพิ่มความสมจริง
ความหวาดกลัวเริ่มขึ้นเมื่อ Heron ถูกลักพาตัวไปในตอนกลางคืน Adem ตัดสินใจที่จะตามล่าสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เชื่อว่าเป็นผู้ร้าย แม้ว่า Odal จะเตือนเรื่อง “ปีศาจ” ในตำนาน Beyah ซึ่งเป็นคนที่ตื่นตัวและมีสัญชาตญาณดีที่สุดคนหนึ่ง เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติรอบตัว และสงสัยในความเชื่อและการตัดสินใจของ Adem
ความขัดแย้งและทางเลือกที่ยากลำบาก
การตามล่าที่สิ้นหวังทำให้ความสัมพันธ์ในกลุ่มเริ่มแตกหัก ความกดดันจากการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเปิดเผยความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ Beyah กลายเป็นตัวละครสำคัญที่ต้องต่อสู้กับทั้งภัยคุกคามภายนอกและภายในกลุ่ม เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่น่ากลัวว่า ศัตรูที่แท้จริงอาจไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาด แต่เป็นความมืดมิดในจิตใจของมนุษย์เอง
หนังเรื่องนี้สร้างความประทับใจด้วยงานภาพที่มืดหม่น ดนตรีประกอบที่กระตุ้นความรู้สึก และการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ดูสมจริง Out of Darkness ไม่ได้พึ่งพาสเปเชียลเอฟเฟกต์มากมาย แต่เน้นที่บรรยากาศและความตึงเครียดทางจิตวิทยา
บทสรุปแห่งการเอาชีวิตรอด
ในท้ายที่สุด Beyah ต้องใช้ความมุ่งมั่นและความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับศัตรูลึกลับเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หนังเรื่องนี้ให้ข้อคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการพัฒนาการของมนุษย์ ความรุนแรง และรากฐานของความขัดแย้ง นรกดึกดำบรรพ์ เป็นการเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ความดิบเถื่อนและสะท้อนให้เห็นว่าการตัดสินใจที่น่ากลัวบางอย่างนั้นจำเป็นสำหรับการก้าวไปข้างหน้าของเผ่าพันธุ์